108 สุขภาพ ย้อนหลัง ตอน เลิกเหล้าหักดิบ อันตรายถึงตาย

0

รู้หรือไม่ว่า การเลิกเหล้าไม่ถูกวิธี อันตรายอาจจะทำให้เสียชีวิต เนื่องจากร่างกายอาจจะปรับสภาพไม่ทัน เพราะลักษณะการดื่มของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะดื่มมาก ดื่มน้อย ดื่มทุกวัน เพราะฉะนั้นการหยุดเหล้าของแต่ละคน ก็อาจจะแตกต่างกันไปด้วย ตามปริมาณและระยะเวลาในการดื่ม เช่นคนที่ดื่มเป็นประจำทุกๆวัน  ก็จะทำให้ร่างกายและสมองปรับตัวกับปริมาณแอลกอฮอล์ จนกลายเป็นความเคยชิน เมื่อมีการหยุดเหล้ากะทันหัน อาจทำให้เกิดภาวะถอนเหล้า หรือเรียกกันทั่วๆไปว่า “อาการลงแดง” ซึ่งจะมีอาการตั้งแต่ เหงื่อแตก มือสั่น นอนไม่หลับ เพ้อ รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

ข้อมูลของศูนย์วิจัย ปัญหาสุรา พบว่าผู้มีปัญหาจากการดื่มสุรา กว่า 1,800,000 คน สามารถที่จะหยุดดื่มเหล้าได้เองโดยไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ยังมีผู้ติดเหล้า กว่า 900,000 คน ที่ดื่มประมาณ10 แก้วต่อวัน ดื่มเหล้าขาว ครึ่งขวดต่อวัน หรือดื่มได้ต่อเนื่องโดยร่างกายไม่รู้สึกอะไร เมื่อบุคคลเหล่านี้หยุดดื่มเหล้า ก็จะมีอาการ มือสั่น ตัวสั่น ตึงเครียด ชัก หรือประสาทหลอน  เป็นต้น

เพราะฉะนั้น การหยุดเหล้าไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย ซึ่งแต่ละคนจะต้องมีความพยายาม และอดทนจริงๆ รวมไปถึง สภาพแวดล้อม กำลังใจจากคนรอบข้าง ก็จะมีผลต่อการหยุดเหล้าของแต่ละคนด้วย และที่สำคัญต้องรู้เทคนิคในการเลิกเหล้าให้ถูกวิธี

       เทคนิคการเลิกเหล้าด้วยตัวเองอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องหักดิบ

  • เริ่มโดยการค่อยๆลดปริมาณในการดื่มลงทีละน้อย
  • จิบอย่างช้าๆ โดยไม่ต้องรีบดื่ม
  • ในขณะที่ดื่มก็ให้สลับกับดื่มน้ำเปล่าไปด้วย หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์
  • ต้องมีความมุ่งมั่น อดทนชนะใจตัวเองให้ได้ และต้องทำให้ได้ต่อเนื่อง 1 สัปดาห์
  • ลดปริมาณการดื่มลงเรื่อย ๆ จนกระทั้งหยุดดื่มได้เอง

แต่สำหรับคนที่ติดเหล้ามากๆ และกังวล กลัวไม่สามารถที่จะหยุดเหล้าด้วยตัวเองได้ ก็ควรที่จะไปพบแพทย์เพื่อที่จะได้รับการปรึกษา หรือ รับการบำบัด โดยแพทย์อาจจะให้ยา ทดแทนการขาดเหล้า ยาคลายเครียด รวมถึงวิตามิน B เพื่อช่วยให้ภาวะการณ์ถอนเหล้าได้ดีขึ้น

https://program.thaipbs.or.th/watch/0ZmxPg?list=108Health

https://program.thaipbs.or.th/watch/0ZmxPg?list=108Health

108 สุขภาพ, สุขภาพ, รายการ, ดูรายการ, ดูย้อนหลัง, ทุกตอน, ตอนล่าสุด, เหล้า, สุรา, เลิกเหล้า, เลิกสุรา, บำบัด, รักษา, ดื่มเหล้า, ดื่มสุรา,

วิธีทำปลาทอดขมิ้นให้อร่อย

0

ปลาทอดขมิ้น

วันนี้แอดมิน นำเสนอเมนูง่ายๆ ไม่มีอะไรที่ยุ่งยาก วัตุดิบก็น้อยมาก แถมทำเสร็จนำมากินกับข้าวร้อนๆ บอกเลยว่าอร่อยมากจร้า นั่นก็คือ ปลาทอดขมิ้น วันนี้แอดมินเลือกใช้ปลาแดงนะคะ เพราะเนื้อปลาแดงจะให้รสชาติหวาน เหมาะมากที่จะนำมาทอดขมิ้น เราไปดูวิธีทำและส่วนผสมกันเลยค่ะ

ส่วนผสมปลาทอดขมิ้น

  • ปลาแดง 3 ตัว (แล้วแต่ว่าใครจะทำกี่ตัวนะคะ ปลาชนิดอื่นก็สามารถนำมาทำได้เหมือนกันค่ะ)
  • ขมิ้น 1 แง่ง
  • กระเทียม 7 กรีบ
  • เกลือ 1 ช้อนชา
ปลาคลุกกีบขมิ้น กระเทียม และเกลือ
ทอดใช้ไฟปานกลาง

วิธีทำปลาทอดขมิ้น

  • ปลาต้องเอาเกร็ดและใส้ออก ล้างให้สะอาด แล้วบั้งทั้งสองข้าง
  • นำส่วนผสม ขมิ้น กระเทียม และเกลือ มาโขลกรวมกัน หลักจากนั้นนำปลามาคลุกให้เข้ากัน
  • ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไป ใช้ไฟปานกลาง
  • หลังจากน้ำมันเดือดแล้ว ก็นำปลาใส่ในกระทะได้เลยค่ะ ทอดสักประมาณ4นาทีก็กลับอีกด้านนะคะ และปรับไฟให้อ่อนลงนิดหน่อย ทอดจนสุกทั้งสองข้างค่ะ
  • หลักจากนั้นก็ตักใส่จานกินกับข้าวได้เลย

เห็นมั้ยละคะ ว่าเมนูนี้ทำง่ายมากๆ วัตุดิบก็ไม่เยอะเลย ถ้าใครคิดอะไรไม่ออก อยากทำอะไรง่ายๆกินเอง โดยไม่ต้องใช้เวลานาน ก็แนะนำเมนูนี้ได้เลยคะ ไม่ผิดหวังแน่นอน และแอดมินขอแนะนำเพิ่มว่า น้ำมันที่เหลือจากทอดปลา ลองเอาข้าวมาผัดคลุกลงในกระทะนะคะ ถ้าน้ำมันเยอะเกินก็ตักออกให้เหลือพอดีทำข้าวผัดค่ะ แล้วไม่ต้องปรุงอะไรเลย มันจะมีรสชาติของกระเทียม ขมิ้น และ เกลืออยู่ในกระทะแล้ว ลองทำดูนะคะ แอดมินจะทำแบบนี้ทุกครั้งเลยค่ะ เพราะกินมาตั้งแต่เด็กๆ อร่อยจริงๆ แถมข้าวก็จะเป็นสีเหลืองน่ากินอีกด้วย แนะนำเลยค่ะ

ปลาทอด, ปลาทอดขมิ้น, ปลาแดงทอดขมิ้น, อาหารปักษ์ใต้, อาหารภาคใต้, อาหารใต้,

ดู รายการ พบหมอศิริราช ย้อนหลัง ตอน ป้องกันชะลอสมองเสื่อม

0

ดู รายการ พบหมอศิริราช ย้อนหลัง ตอน ป้องกันชะลอสมองเสื่อม ดูแลตัวเราเองและคนที่เรารักอย่างไร ให้ห่างไกลจากโรคสมองเสื่อม

โรคอัลไซเมอร์  นอกจากเกิดจากการเสื่อมของเซลล์สมองแล้ว ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาของโรคหลอดเลือดด้วย เพราะฉะนั้นหากมีอาการหลงลืมจากโรคอัลไซเมอร์ ก็ควรรีบไปพบแพทย์ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะอาจจะทำให้กลายเป็นโรคสมองเสื่อมได้ ฉะนั้น การดูแลและป้องกันโรคหลอดเลือด ถือว่าเป็นการป้องกันภาวะสมองเสื่อมวิธีหนึ่ง

ข้อควรปปฏิบัติและป้องกันโรคสมองเสื่อม

  • การออกกำลังกายเป็นประจำให้สม่ำเสมอ โดยการออกกำลังกายชนิด เต้นแอโรบิค เดินเร็ว ว่ายน้ำ  อย่างน้อยให้ได้สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 40 นาที ถ้าทำเป็นประจำสม่ำเสมอโอกาสที่จะเกิดโรคสมองเสื่อมก็จะน้อยลง
  • ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวค่อนข้างมาก เช่น เนื้อสัตว์ หรือ ผลิตภัณฑ์จาก นม หรือเนยต่าง ๆ และให้หันมารับประทานอาหารจำพวก เนื้อปลา ผัก ผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง และธัญพืชที่ไม่ขัดสี ถ้าทานเป็นประจำ ก็จะช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมได้
  • หากิจกรรมทำที่จะเป็นการช่วยกระตุ้นความจำ กระตุ้นความคิด ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5-6 ครั้ง และควรทำร่วมกับผู้อื่นด้วยเพื่อจะได้มีความเพลิดเพลินไม่รู้สึกเบื่อ และมีความสุขกับกิจกรรมนั้นๆ
  • สำหรับผู้สูงอายุควรจะดูแลตัวเองไม่ให้หกล้ม เนื่องจากอาจทำให้เกิด อัมพฤกษ์ หรือ อัมพาต และอาจจะทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมตามมาได้

วิธีชะลอสมองเสื่อม

  • ทำจิตใจให้เพลิดเพลิน
  • การไม่สร้างความเครียด อย่าเก็บตัวอยู่คนเดียว
  • การได้พูดคุยตอบโต้กับคนอื่น
  • หากิจกรรมที่ชอบทำ เช่น ปลูกต้นไม้ ไปพบปะญาติ
  • ฝึกให้สมองได้ใช้ความคิด
  • ไม่ดื่มเหล้า หรือ สูบบุหรี่
  • การได้รับดูแลเอาใจใส่จากลูกหลาน

รายการพบหมอศิริราช, หมอศิริราช, ดู, ย้อนหลัง, รายการ, ดูย้อนหลัง, ตอนล่าสุด, ทุกตอน, คลิปวีดีโอ, ป้องกัน, สมอง, สมองเสื่อม, ป้องกันสมองเสื่อม, ชะลอ, ชะลอสมองเสื่อม, อัลไซเมอร์, สองเสื่อม,

กินกล้วยตอนท้องว่างดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพอย่างไร

0

กินกล้วยตอนท้องว่างดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพอย่างไร

หลายคนมักจะสงสัยกันว่าการกินกล้วยตอนท้องว่างจะมีผลดีหรือไม่ดีอย่างไร จึงทำให้หลายๆคนเกิดความไม่มั้นใจที่จะกินกล้วยในตอนท้องว่าง  เพราะบางคนบอกว่า ถ้ากินกล้วยตอนท้องว่างจะทำให้ปริมาณแมกนิเซียมในเลือดสูงขึ้น จะเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดหัวใจ หรือบางคนบอกว่า ถ้ากินกล้วยตอนท้องว่าง จะมีผลอันตรายต่อหัวใจ เพราะกล้วยมีโพแทสเซียมสูง และบางคนก็บอกว่ากินกล้วยตอนท้องว่างอาจจะทำให้แน่นท้อง ท้องอืด หรือทำให้เป็นโรคกระเพาะ  เพื่อแก้ข้อสงสัยนี้ เราไปดูข้อมูลทางโภชนาการของกล้วยกันว่าประเด็นไหนใช่หรือไม่ใช่อย่างไรกัน

ปกติคนเราจะรับแมกนิเซียมเข้าไปในร่างกาย ได้สูงสุดนั้นไม่เกิน 700มก./วัน ขณะที่กล้วย 1 ลูก หนัก 100 กรัม มีแมกนิเซียม 43มก. และแมกนิเซียมจะดูดซึมที่ลำไส้เล็กได้ร้อยละ30 หรือ 12.3 มก. ซึ่งในหนึ่งวันเราจะต้องกินกล้วย 55 ลูกถึงจะได้รับแมกนิเซียม 700มก.จึงจะทำให้มีปัญหาเพราะแมกนิเซียมเกินความต้องการของร่างกาย  แต่ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เราจะกินกล้วยได้มากถึง 55 ลูกต่อวัน

สำหรับคนที่กลัวในเรื่องของโพแทสเซียมจะสูง แล้วส่งผลกระทบต่อหัวใจ ถ้าหากกินกล้วยตอนท้องว่าง นักโภชนาการระบุว่า โดยทั่วไปร่างกายสามารถรับโพแทสเซียมได้ประมาณ 4,700 มก./วัน ซึ่งกล้วย 1 ลูก มีโพแทสเซียม 358 มก. ซึ่ง จะต้องกินกล้วยมากกว่า 13 ลูก จึงจะได้รับโพแทสเซียมทำให้เกิดปัญหาเพราะโพแทสเซียมเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้

ส่วนเรื่องที่เชื่อกันว่ากินกล้วยตอนท้องว่าง จะทำให้แน่นท้อง ท้องอืด ตรงนี้มีส่วนค่ะ เพราะการกินกล้วยตอนท้องว่างทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนได้ในบางคน เพราะกล้วยมีคาโบไฮเดรตที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว และโมเลกุลคู่ ที่มันจะไปกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดมากขึ้น เพราะฉนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร ไม่ควรกินกล้วยตอนท้องว่างนะค่ะ เพราะอาจจะทำให้อาการกระเพาะกำเริบได้ เนื่องจากกรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารและจะเกิดอาการคลื่นใส้อาเจียน และปวดแสบปวดร้อนในทรวงอกได้ แต่อาจจะมีอาการไม่เหมือนกันทุกคนนะค่ะ ยังไงแล้วก็ลองสังเกตตัวเองกันดูค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : รายการ Did you know

แกงส้มหมูสามชั้นทอดใส่ผักกวางตุ้ง

0

แกงส้มหมูสามชั้นทอดใส่ผักกวางตุ้ง

แกงส้มถือว่าเป็นเมนูที่ใครๆ ก็รู้จัก แต่ถ้าจะให้อร่อย ต้องสูตรแกงส้มปักษ์ใต้จ้า เพราะแกงส้มปักษ์ใต้ จะได้ครบทุกรสของความอร่อย ทั้งเผ็ด เปรี้ยว ซึ่งแกงส้มนี้เป็นเมนูที่ทำง่ายมากๆ วัตถุดิบ ที่ทำก็หลากหลาย หาได้ง่ายมากๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ปลานานาชนิด กุ้ง หมู ซึ่งจะเป็นส่วนไหนของเนื้อหมูก็ได้ กระดูกหมู หมูสามชั้น หางหมู ได้หมดเลย ส่วนเรื่องผักที่จะนำมาใส่ในแกงก็เยอะมากเช่นเดียวกัน เช่น มะเขือ ยอดมะพร้าวอ่อน หน่อไม้สด หน่อไม้ดอง ดอกผักกาด มะละกอ ผักบุ้ง เยอะแยะไปหมดเลย แล้วแต่ใครชอบกินผักอะไร แต่วันนี้ แอดมินจะนำเสนอ ก็คือ แกงส้มหมูสามชั้นทอดใส่ผักกวางตุ้งค่ะ

ไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันค่ะ

หมูสามชั้นทอดหั่นพอดีคำ

ส่วนผสมแกงส้มหมูสามชั้นทอดใส่ผักกวางตุ้ง

  • หมูสามชั้น 2 เส้น ต้องนำมาทอดให้สุกก่อนนะค่ะ แล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
  • ผักกวางตุ้ง 1 กำ ถ้าใครชอบผักเยอะก็ใส่เยอะ
  • มะนาว 2 ลูก และมะขามเปียก ประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ และ ผงชูรส
  • เครื่องแกงส้ม ส่วนประสมของเครื่องแกงส้มก็คือ พริกสด 20 เม็ด กระเทียม 3 กรีบ และขมิ้น โดยนำมาโขรกให้ละเอียด แล้วตามด้วยกะปิ 1 ช้อนโต๊ะ โขรกให้เข้ากัน

วิธีทำแกงส้มหมูสามชั้นทอดใส่ผักกวางตุ้ง

  • ตั้งน้ำให้เดือน แล้วใส่เครื่องแกงลงไป
  • ใส่เนื้อหมูลงไป สักประมาณ 5 นาที เพราะเนื้อหมูมันสุกอยู่แล้ว
  • ใส่น้ำมะขามเปียกประมาณ 4-5 ช้อนโต๊ะ
  • ใส่ผักกวางตุ้ง ตามด้วย น้ำมะนาว เกลือ และ ผงชูรส แค่นี้ก็ได้แกงส้มที่อร่อยเข้มข้นแล้วค่ะ

สาเหตุที่แอดมินแนะนำให้ใส่ทั้งมะขามเปียก และ มะนาว เพราะว่า มันจะได้รสชาติเปรี้ยวของมะนาว และรสชาติเปรี้ยวหวานของมะขามเปียก จะช่วยทำให้รสชาติของแกงส้มอร่อยกลมกล่อมยิ่งขึ้นค่ะ ลองไปทำกันดูนะค่ะ อร่อยจริงๆครั้งหน้าแอดมินจะนำเสอนแกงส้ม โดยใช้วัตถุดิบอื่นๆ มาให้ลองทำดูกันค่ะ

แกงคั่วปูยอดมะขามอ่อน(แกงกะทิปูใส่ยอดมะขามอ่อน)

0

เมนูนี้ หาซื้อไม่มีขายนะจ๊ะ อยากกินต้องทำเอาเองจ้า แอดมินขอบอกว่าเมนูนี้อร่อยจริงๆ อร่อยชนิดที่กินข้าวจานเดียวไม่เคยพอ กินจนลืมเรื่องอ้วนกันไปเลย

ส่วนประสมแกงคั่วปูยอดมะขามอ่อน

  • ปูสด 1 กิโลกรัม ต้องเป็นปูไข่นะค่ะถึงจะอร่อย
  • ยอดมะขามอ่อนประมาณ 1 ถ้วย
  • น้ำกะทิสด ครึ่งกิโล คั้นโดยแยกเป็นส่วนหัวกะทิ และ หางกะทิ (ไม่แนะนำกะทิกล่องนะค่ะ)
  • เครื่องแกงคั่ว ส่วนประสมของเครื่องแกงคั่ว ก็จะมี ตะใคร้ 2 ต้น กระเทียม 3 กรีบ พริกสดประมาณ 20 เม็ดแล้วแต่ชอบเผ็ดมาก เผ็ดน้อย ขมิ้น พริกไทดำเล็กน้อย ตำเครื่องให้ละเอียด แล้วใส่กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ผงชูรส เกลือ น้ำตาลสักเล็กน้อย หรือบางคนอาจจะไม่ใส่ก็ได้

วิธีทำแกงคั่วปูยอดมะขามอ่อน

  • หางกะทิตั้งไฟให้เดือด
  • เติมเครื่องแกงลงไป คนเครื่องแกงให้ละลาย
  • ใส่เนื้อปู
  • ตามด้วยยอดมะขาม
  • ใส่หัวกะทิลงไป ให้น้ำเดือด และปรุงรสด้วย ผงชูรส และ เกลือเล็กน้อย ปิดไฟ

รสชาติของแกงคั่วปูกับยอดมะขามอ่อน จะออกรสชาติ เปรี้ยวๆของยอดมะขาม มันๆของกะทิ หวานๆของเนื้อปู และส่วนผสมของเครื่องแกง บ้านไหนทำเมนูนี้ ถือว่ากินข้าวอร่อยฟินกันไปสุดๆจ้า

แกงเลียงปักษ์ใต้

0

เมนูนี้แอดมินอยากให้ทุกคนได้ลองกินดูกันค่ะ เพราะแอดมินมั่นใจว่า ถ้าใครได้กินเมนูนี้รับรองจะต้องติดใจแน่ ๆ เพราะแกงเรียงปักษ์ใต้ รสชาติความอร่อยจะไม่เหมือนกับภาคกลาง รสชาติจะออกเผ็ดร้อนนิดๆ เพราะใส่พริกไทดำ และออกความหวานของผักนานาชนิด เลยทำให้รสชาติกลมกล่อม อ้อ และที่สำคัญ แกงเรียงปักษ์ใต้จะไม่ใส่ใบแมงลักนะคะ เราไปดูส่วนประสมและวิธีทำกันค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง

ส่วนประสมของแกงเรียงปักษ์ใต้

  • ผัก นานาชนิดต่างๆ เช่น ตำลึง ฝักเขียว ยอดฝักทอง บวม หน่อไม้ ผักหวาน บอน(ลักษณะคล้ายๆกับอ้อดิบ) ยอดของต้นพริก หรือ พริกสดๆเป็นต้น ยิ่งใส่ผักเยอะยิ่งอร่อย
  • กุ้งแห้ง หรือปลาย่าง หรือ กุ้งสด แล้วแต่ใครชอบอะไรเลยจ้า
  • กะปิ ครึ่งช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ พริกไทดำ ผงชูรส

วิธีทำแกงเลียงปักษ์ใต้

  • โขลกพริกไทดำ (ถ้าใครชอบเผ็ดร้อนก็ใส่เยอะหน่อยนะค่ะ)  ให้แตก แล้วใส่กะปิ หลังจากนั้นก็ใส่กุ้งแห้งลงไปโขลกรวมกัน กุ้งแห้งโขลกแค่พอแตกเล็กน้อยไม่ต้องให้ละเอียด
  • ตั้งน้ำร้อนให้เดือน หลังจากก็นั้นก็ใส่ กุ้งแห้งที่โขลกรวมกับพริกไทดำลงไป
  • ใส่ผัก เลือกใส่ผักที่สุกช้าก่อน เช่นหน่อไม้ หรือฝักเขียว แล้วตามด้วย ผักใบต่างๆ
  • เติมเครื่องปรุง คือ น้ำตาลปิ๊บแค่เล็กน้อย แล้วผงชูรสนิดหน่อย แค่นี้ก็อร่อยแล้วค่ะ

ส่วนมากคนปักษ์ใต้ เขานิยมกินกันตอนมื้อเที่ยง และกับข้าวที่ต้องกินร่วมกับแกงเลียงนั่นก็คือน้ำพริกกะปิค่ะ เพราะในแกงเลียงก็จะมีผักเป็นส่วนใหญ่ จึงเหมาะที่จะกินร่วมกับน้ำพริก และข้าวร้อนๆ แค่นี้ก็ หรอยจังหู้

รวมเมนูอาหารปักษ์ใต้

0

อาหารภาคใต้ เป็นอาหารที่โดดเด่นในเรื่องรสชาติจัดจ้าน เข้มข้น เผ็ดร้อนแรง และเครื่องปรุงที่นำมาประกอบอาหารก็จะเป็นพวกสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ตะใคร้ พริก กระเทียม พริกไทดำ กะปิ หรือสะตอ เป็นต้น อาหารภาคใต้จะเป็นที่นิยมของคน หลายๆภาค ที่ชอบนิยมกินอาหารในรสชาติเผ็ดจัดจ้าน ซึ่งเมนูภาคใต้นั้นจะมีหลายเมนูมาก ๆ ซึ่งคนเขียนเวปนี้ก็เป็นคนใต้ และ รู้จักอาหารใต้หลายๆเมนูที่หลายๆคนรู้จักและไม่รู้จัก ทั้งเคยกินและไม่เคยกินมาก่อน

เช่น

แกงผัดผัดหมูใส่สะตอ

แกงไตปลา  แกงไตปลาจะมีหลายแบบ มีทั้งแบบแห้งและแบบน้ำ แกงไตปลาที่กินกับข้าว และกินกับขนมจีน แบบใส่กะทิ และแบบไม่ได้ใส่กะทิ แบบใส่ผัก ไม่ใส่ผัก

แกงส้ม แกงส้มนี้ จะสามารถ แกงได้หลายๆเมนู ไม่ว่าจะ แกงส้มปลานานาชนิด แก้งส้มกุ้ง แกงส้มเนื้อหมู หรือแกงส้มกระดูกหมู หรือ แกงส้มหมูสามชั้นทอด ส่วนในเรื่องของผักนั้นก็มีหลายชนิดมาก ๆ ที่นำมาใส่ในแกงส้ม เช่น มะละกอ มะเขือ ดอกผักกาด ผักกวางตุ้ง ผักกระเฉด อ้อดิบ หยวกกล้วย หน่อไม้ ทั้งแบบสดและแบบดอง หรือแม้กระทั้งสะตอก็สามารถนำมาทำแกงส้มได้ และยังมีผักอีกหลายชนิดมากมาย ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน

แกงกะทิ(แกงคั่ว) ก็จะเหมือนกับแกงส้ม ที่สามารถ นำมาทำแกงได้หลาย ๆ เมนู ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อปลา(ส่วนมากเนื้อปลาที่จะนิยมนำแกงกะทิ ก็จะเป็นปลาทู ปลาดุก ปลาช่อน หรือปลาแดง) ส่วนผักที่นำมาใส่ในแกงก็มีหลายชนิดเหมือนกัน เช่น หยวกกล้วย กล้วยดิบ หน่อไม้สด หน่อไม้ดอง สะตอ ขนุนดิบ ลูกเหรียง อ้อดิบ สับปะรด มะละกอ เป็นต้น

แกงผัดเผ็ด คล้ายๆกับแกงกะทิ เพียงแต่ไม่ใส่กะทิ แต่จะใส่น้ำมันแทนนิดหน่อย และจะเน้นในเรื่องความเผ็ด บางชนิดก็จะ แกงได้ทั้งแบบใส่ผักและแบบไม่ใส่ผัก แต่ผักที่ใส่จะไม่ได้หลายชนิดเหมือนกับแกงกะทิ ผักที่นิยมมาใส่จะเป็น สะตอ ลูกเหรียง และถั่วฝักยาว น้ำแกงก็จะแค่คลุกคลิก

แกงคั่วเผ็ด จะเหมือนกับแกงผัดเผ็ด แต่จะไม่ใส่ทั้งกะทิ และน้ำมัน น้ำแกงจะมีมากกว่าแกงผัดเผ็ด ส่วนมากแกงคั่วเผ็ดมักจะไม่ใส่ผัก และก็จะเน้นในเรื่องร้อนและเผ็ดมากๆ เครื่องแกงก็จะใส่พริกสด และ พริกไทดำ มากหน่อย

แกงคั่วกลิ้ง เครื่องแกงก็จะเหมือนกับแกงผัดเผ็ด  แต่จะไม่มีน้ำ จะทำแบบแห้งๆเลย ส่วนเนื้อที่นิยมนำมาแกง ก็จะเป็น เนื้อหมู และเนื้อวัว    

แกงเรียง แกงเรียงภาคใต้ จะไม่เหมือนกับภาคกลางตรงที่ภาคใต้จะไม่ใส่ ใบแมงลัก แต่จะใส่พริกไทดำ และกะปิ ผักก็จะมีนานาชนิด ส่วนมากแกงเรียงภาคใต้เขานิยมกินกันมื้อเที่ยง และกินร่วมกับน้ำพริก

ต้มกระดูกหมูกับใบชะมวง  หรือจะใช้เนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อเป็ด ก็ได้ แต่หลักที่นิยม ก็จะเป็น หมู กับ วัว

ต้มส้มแขกกับเนื้อวัว เมนูนี้จะไม่มีร้านค้าไหนทำขายกัน ส่วนมากนิยมทำกินกันเองที่บ้าน เพราะต้นทุนอาจจะแพงเกินไป เพราะเป็นการต้มที่ มีแต่กะทิ และเนื้อวัว กับใส่ส้มแขกลงไป โดยที่จะไม่มีผักอย่างอื่น

ต้มกระดูกหมูกับผัดกาดดอง เมนูนี้เหมือนกับเมนู ต้มกระดูกหมูกับใบชะมวง เพียงแต่เปลี่ยนจากใบชะมวงเป็น ผักกาดดองแทน

ต้มกระดูกหมูกับมะขามสด  เหมือนกับต้มกระดูกหมูกับผักกาดดอง แต่จะได้รสชาติที่เปรี้ยว แซบ มากกว่าผัดกาดดอง

ต้มกะทิหน่อไม้สดใส่กุ้งและใบชะอม หรือถ้ามีสะตอ ก็จะใส่สะตอลงไปด้วย   ถ้าทำเมนูนี้จะต้องมีน้ำพริกด้วย เพราะน้ำพริกจะมีความเผ็ดเปี้ยว มากินเพื่อให้ตัดกับเมนูนี้ เพราะเมนูนี้รสชาติจะออกหวานๆมันๆ

หมูผัดหวาน ซึ่งหมูผัดหวานภาคใต้เขาจะไม่ใช้น้ำตาลทราย แต่เขาจะใช้น้ำผึ่งแว่น (น้ำตาลตะโตนด) ซึ่งลักษณะจะเป็นกลมๆ ขนาดเท่ากับยางวงใหญ่ ซึ่งมันจะให้รสชาติหวาน หอม และเหนียว อร่อยกว่าใช้น้ำตาลทราย

ผัดผักเหรียงใส่ไข่ ต้องเลือกใบที่ไม่แก่เกินไป เหมาะกินกับข้าวสวยร้อนๆ

ปลาแดงทอดขมิ้น หรือใช้ปลาทูสดแทนก็ได้ ที่สำคัญคือจะต้องเลือกปลาที่สดจริงๆ ถึงจะได้รสชาติที่อร่อย

น้ำพริก น้ำพริกใต้จะมีหลายแบบ ทั้งน้ำพริกกะปิ น้ำพริกโจร น้ำพริกมะขาม น้ำพริกใบทำมัง คือใบไม้ชนิดนึง ที่มีกลิ่นและรสชาติเหมือนกับแมงดา ซึ่งสามารถนำมาใส่ในแกงไตปลาได้

ยังมีเมนูอีกเยอะแยะนะค่ะ ครั้งหน้าแอดมินจะนำเสนอให้ได้ดูพร้อมกับวิธีทำกันค่ะ

สระผมให้ถูกหลัก ลดปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้าน

0

สระผมให้ถูกหลัก ลดปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้าน

การที่เราสระผมไม่ถูกวิธี หากทำไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้ผมร่วง หรืออาจจะทำให้ศีรษะล้านเป็นหย่อมๆ ได้ และรู้หรือไม่ว่าการที่เราสระผมบ่อยๆ ก็อาจทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายเหมือนกัน

และปัญหาผมร่วง ผมบางและศีรษะล้าน มักจะเกิดกับผู้ชายมากกว่า เพราะว่ารากผมของผู้ชาย จะไวต่อออร์โมนเพศชายที่ชื่อว่าแอนโดรเจน จึงทำให้เส้นผมของผู้ชายจึงมีอายุสั้นกว่าปกติ ส่วนผู้หญิงก็มักจะเป็นช่วงหมดประจำเดือน

โดยปกติแล้วเส้นผมคนเรา จะหยุดการเจริญเติบโตร้อยละ 10-15 เส้นต่อวัน และจะหลุดร่วงออกไปเอง แต่ถ้าหากวันหนึ่งมีผมร่วงเกิน 50 เส้น ถือว่าผิดปกติ เพราะฉะนั้น การที่เราสระผมให้ถูกวิธี ก็เป็นการช่วยลดปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านได้เหมือนกัน

          การสระผมให้ถูกวิธีคือเพื่อลดปัญหาผมร่วง

  • ควรเลือกยาสระผมที่เหมาะกับเราก่อน เพราะสภาพเส้นผมและหนังศีรษะแต่ละคนไม่เหมือนกัน
  • ก่อนสระผมควรจะหวีผมก่อน เพื่อช่วยลดการขาดร่วงของเส้นผมในขณะสระ
  • ก่อนจะใช้ยาสระผม แนะนำให้ล้างผมด้วยน้ำเปล่าก่อน เพื่อเป็นการล้างสิ่งสกปรกที่เกาะบนเส้นผม
  • ไม่ควรบีบยาสระผมลงบนศีรษะโดยตรง
  • ใช้ครีมนวดลงแต่ปลายผม
  • ไม่เกาหรือขยี้หนังศีรษะแรงๆ เพราะจะเป็นการทำลายรากผมและหนังศีรษะ
  • ล้างยาสระผมให้สะอาด ไม่ให้มีสารเคมีตกค้างที่หนังศีรษะ
  • หลังจากสระเสร็จแล้วควรเช็ด  หรือ เป่าให้ผมแห้ง เพื่อป้องกันความอับชื้นของหนังศีรษะ

นอกจากสระผมถูกวิธีแล้ว การดูแลเส้นผมภายใน ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน เช่นการกินอาหาร จำพวกโปรตีน เช่น นม ไข่ เนื้อปลา รวมถึงธัญญพืช เมล็ดถั่วต่างๆ และผักใบเขียว เป็นต้น และถ้าทำตามวิธีนี้แล้ว ยังพบปัญหาผมร่วงในปริมาณผิดปกติ ก็ควรไปพบแพทย์ค่ะ

สระผม, ผมบาง, วิธีสระผม, ศีรษะล้าน, ผมร่วง, ผมน้อย, ปัญหาผมร่วง,

ดู รายการพบหมอศิริราช ย้อนหลัง ตอน โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE

0

ดู รายการพบหมอศิริราช ย้อนหลัง ตอน โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE ที่หลายคนเป็นแล้ว แต่ไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยปละละเลย ไม่รีบทำการรักษา อัตรายอาจถึงชีวิตได้

โรคแพ้ภูมิตัวเอง Systemic Lupus Erythematosus) (SLE) เป็นโรคภูมิต้านตนเองชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ หรือเม็ดเลือดขาวทำงานผิดปกติ ทำการโจมตีอวัยวะต่างๆของร่างกาย  

อาการของโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE มีดังนี้

  • อาการจะเกิดขึ้นทางผิวหนัง เช่น ผมร่วง มีแผลในช่องปากที่เพดาน ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการเจ็บ
  • แพ้แสง เพราะเวลาถูกแสงแดดจะมีปฏิกิริยามากกว่าปกติ
  • มีผื่นขึ้นที่บริเวณโหนกแก้มและจมูกรูปร่างคล้ายกับผีเสื้อ
  • มีอาการปวดตามข้อ ข้ออักเสบ บวม แดง ร้อน
  • มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
  • รวมถึงอาการที่อวัยวะภายใน เช่น หัวใจ ปอด ไต ระบบประสาท

การรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE

การรักษา โดยแพทย์ให้ยาลดการอักเสบของข้อ ลดการปวด และยังมียาช่วยในการปรับของเม็ดเลือดขาวให้ทำงานได้เหมือนปกติมากยิ่งขึ้น ซึ่งยากลุ่มนี้ได้แก่ยากลุ่มสเตียรอย และยากดภูมิ

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการข้อติดขัด ปวดข้อ ข้อบวม สามารถแช่มือในน้ำอุ่น ขยับข้อมือในน้ำอุ่น เพราะจะช่วยให้ข้อลดความฝืด ลดอาการปวดลงได้

วิธีปฏิบัติหรือดูแลตัวเองของผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE คือ

  • ต้องทานยาให้ครบตามแพทย์แนะนำ ไม่ควรหยุด เพิ่ม หรือลด ขนาดยาเอง
  • ลดการถูกแสงแดดให้น้อยลง เพราะแสงแดดจะกระตุ้นให้ผิวหนังกำเริบมากขึ้น
  • ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
  • สำหรับผู้ป่วย แต่ต้องการจะมีลูก ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะการตั้งครรภ์อาจทำให้โรคกำเริบได้

รายการพบหมอศิริราช, หมอศิริราช, ดู, ย้อนหลัง, รายการ, ดูย้อนหลัง, ตอนล่าสุด, ทุกตอน, คลิปวีดีโอ, แพ้ภูมิ, ภูมิแพ้, cแพ้ภูมิตัวเอง, ภูมิแพ้ตัวเอง, ภูมิแพ้,